เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑o พ.ค. ๒๕๔๖

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๔๖
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดสันติธรรมาราม ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

วันเกิด... คนเราเกิดมา มันเกิดมาด้วยกรรม คนเราเกิดมาทุกคนต้องเกิดนะ เวลาเกิดมาแล้วเป็นเรา พอเป็นเราแล้วเราก็เพลินในชีวิต การแสวงหาความเป็นอยู่อาศัย เครื่องอยู่อาศัยของโลกแสวงหาเป็นประโยชน์ส่วนหนึ่ง ประโยชน์การดำรงชีวิต เพราะคนเกิดมาต้องใช้ชีวิต แต่เวลาคนหลงไป เห็นไหม เด็กหลงต้องจับไปหาพ่อแม่ เขาจะประกาศกันเวลาคนหลงนะ เวลาคนหลงคนหาย เขาจะประกาศหากัน

แต่เราหลงในชีวิตเรา เราไม่เข้าใจนะ เราหลงเราพลาดไปในชีวิต เกิดมาแล้วเราแสวงหาต่างๆ เรื่องของโลกเขา มันเป็นเครื่องอยู่อาศัย เครื่องปัจจัยที่ต้องจำเป็นใช่ไหม? ปัจจัย ๔ นี้ขาดไม่ได้ ถ้าขาดไป ปัจจัย ๔ นี่ การขาดปัจจัย ๔ ไป การดำรงชีวิตนี้ต้องขาดไป อยู่ไม่ได้ ต้องปัจจัย ๔ เครื่องอยู่อาศัย การแสวงหาส่วนนั้นเป็นส่วนหนึ่ง แต่การหลงในปัจจัย ๔ ความยึดมั่นถือมั่นความเห็นว่าเป็นที่พึ่งไง นี่หลงๆ ตรงนี้ไง หลงว่าตรงนี้มันเป็นเครื่องที่พึ่งพาได้จริง

มันเป็นเครื่องอยู่อาศัยชั่วคราว สิ่งนี้อาศัยชั่วคราวต้องอาศัยมันไป มันเป็นความจำเป็นโดยสมมุติบัญญัติ สมมุติบัญญัติ เห็นไหม บัญญัติ บัญญัติสมมุติ สัจจะโดยสมมุติ สัจจะโดยการบัญญัติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าส่วนหนึ่ง สัจจะความเป็นจริงส่วนหนึ่ง

ถ้าชีวิตเราไม่หลงไป เราจะแสวงหาตัวตนของเรา เราต้องหาทางกลับบ้านเราให้ได้ ถ้าเราจะกลับบ้านเรา เราต้องกลับเข้าไปหาใจของเรา เพราะใจของเราเป็นตัวพาเกิดพาตาย ตัวพาเกิดพาตายตัวนี้ต้องไปแก้ไขกันที่นี่

คนจะหลงไปสิ่งต่างๆ ก็พาหลงไป คนพอหลงกันเขายังแสวงหา เขายังจับส่งคืนเจ้าของได้ เห็นไหม สัตว์หลงเหมือนกัน เขาพยายามแสวงหาเจ้าของของเขา แต่เราหลงของเราไป เราหลงแล้วเราหาเจ้าของเราไม่เจอ เพราะอะไร? เพราะเราไม่เข้าใจเรื่องสัจจะ

ในชาวพุทธเราเข้าใจเรื่องศาสนา เข้าใจเรื่องประเพณีวัฒนธรรม ก็เข้าใจทำบุญกุศลไปก็เพื่อจะเข้าหาตัวเองไง ทำบุญกุศล เห็นไหม เวลาโบสถ์วัดวาอารามนี่ไม่ไปสวรรค์ สิ่งนี้เป็นสิ่งแสดงออกของน้ำใจ ถ้าคนมีน้ำใจเป็นบุญเป็นกุศล เขาจะทำบุญสิ่งนี้เพื่อเป็นสาธารณะประโยชน์

สาธารณะประโยชน์ เห็นไหม ภิกษุที่อาศัยในอาวาส ผู้ที่อาศัยในอาวาสก็ไม่ใช่เจ้าของอาวาสนั้น ผู้ใดมาจาก ๔ ทิศ ผู้ใดมาขอให้มาอยู่ด้วยความเป็นสุข แล้วต้องตายจากกันไป ไม่มีใครเป็นเจ้าของสิ่งในโลกนี้ ไม่มีใครเป็นเจ้าของ แต่เป็นของสาธารณะด้วยหนึ่ง

สิ่งที่เป็นสาธารณะนี่เป็นประโยชน์มาก เห็นไหม สังฆทาน สังฆทานนี่เพื่ออะไร? เพื่อสังฆทาน เพื่อไม่ให้เป็นของส่วนบุคคล เป็นสาธารณะส่วนหนึ่งถ้าเป็นสาธารณะประโยชน์ส่วนหนึ่ง แต่เป็นของสงฆ์ด้วย สงฆ์เพราะอะไร?

สงฆ์เพราะมีพระพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมา แล้วพระอัญญาโกณฑัญญะเป็นผู้รู้ธรรมขึ้นมา เป็นสงฆ์องค์แรกของโลก สงฆ์เป็นผู้ที่มีคุณธรรมไง สงฆ์หมายถึงว่าเป็นผู้ที่รวมกัน ๔ องค์เป็นสมมุติสงฆ์ขึ้นมาเป็นสงฆ์ สงฆ์นั้นรักษาสิ่งที่เป็นของสงฆ์ นั้นเป็นสิ่งที่มีชีวิตขึ้นมา เพราะสมมุติขึ้นมา เห็นไหม บริษัทตั้งขึ้นมาเป็นสิ่งที่ว่ามีแง่กฎหมายขึ้นมาเป็นบริษัท

อันนี้ก็เหมือนกัน บริษัท ๔ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกานี้เป็นบริษัทเหมือนกัน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขึ้นมาตั้งด้วยธรรมวินัย สิ่งที่ธรรมวินัยตั้งขึ้นมา นี่ถึงว่าเป็นของสงฆ์ มันถึงเป็นบุญกุศลมากไง

บุญกุศลเพราะว่ามันเป็นปฏิคาหก ในศาสนาพุทธเรามีสมณะ มีพระสงฆ์ ถึงมีการทำบุญกุศลกัน ในศาสนาอื่นไม่มีสมณะ เป็นแต่ว่าไปให้ทานกันเฉยๆ แต่สมณะนี่เป็นผู้ที่มีศีล เป็นสมมุติสงฆ์ขึ้นมาโดยธรรมวินัย ธรรมวินัยสมมุติขึ้นมาก่อน เห็นไหม สมมุติขึ้นมา

ถ้าจะหลงขึ้นไป เราก็หาสิ่งนี้เข้ามาเพื่อจะเลาะเข้าหา ทวนกระแสโลกกลับเข้าไป เราหลงไปขนาดไหน หลงไปตามกระแสโลก ตื่นไปกระแสโลกนะ ทำกระแสโลกนั้นไป เครื่องอยู่เครื่องอาศัยเป็นปัจจัย ๔ เครื่องอาศัยนั้นเป็นความจำเป็นส่วนหนึ่ง แต่ทำตามหน้าที่ของเรา หมดจากหน้าที่แล้วเราต้องค้นหาตัวเราเองไง เพื่อจะหาทางกลับเข้าหาตัวเองให้ได้

ถ้ากลับเข้าหาตัวเองได้ เข้าไปหาตัวใจ ต้องทำสัมมาสมาธิ ถึงที่สุดแล้วต้องมามีการประพฤติปฏิบัติธรรมเพื่อให้ใจย้อนกลับเข้าไปหาตัวเอง ถ้าหาตัวเองได้ งานของเราจะเกิดขึ้นมา เห็นไหม ความเพียรชอบ การงานชอบ ชอบเกิดจากตรงนี้

งานเครื่องอยู่อาศัยกัน เราจ้างวานใครทำก็ได้ แต่งานในการประพฤติปฏิบัตินี้จ้างวานทำไม่ได้ สมาธิซื้อไม่ได้ หาไม่ได้ ต้องทำขึ้นมาเอง เห็นไหม ปัญญาหาซื้อไม่ได้ มีเงินทองมากขนาดไหนก็หาซื้อไม่ได้

เงินทองถ้าอยู่กับคนที่เป็นประโยชน์จะเป็นประโยชน์ ถ้าเงินทองอยู่ที่คนที่ไม่เป็นประโยชน์ที่อกุศลขึ้นมา เงินทองนั้นจ้างวานทำสิ่งใดก็ได้ตามแต่อำนาจกิเลสของเราจะคิดไป เห็นไหม สิ่งนั้นเป็นเครื่องอยู่อาศัย เป็นปัจจัย ๔ เครื่องอยู่อาศัย อยู่ที่คนดีหรือคนไม่ดีจะใช้ประโยชน์สิ่งนั้น

แล้วคนดีหรือคนไม่ดีย้อนกลับเข้ามาในหัวใจ ถ้าคนมีความหลงขึ้นมา ประพฤติปฏิบัติก็หลง หลงเข้าไปในการประพฤติปฏิบัติ เห็นไหม เข้าใจว่าสิ่งนี้เป็นธรรม สิ่งนี้เป็นการประพฤติปฏิบัติ เราเข้าใจว่า

เข้าใจว่ากับความจริงคนละส่วนกัน ความเข้าใจของเราเป็นความเข้าใจส่วนหนึ่ง ตามความเป็นจริงส่วนหนึ่ง ถ้าตามความเป็นจริง ทำตามความเป็นจริงขึ้นมา มันจะเป็นประโยชน์ขึ้นมาในการประพฤติปฏิบัติ ในคนมีอำนาจวาสนา นี่ว่าอินทรีย์แก่กล้าไง สังวรอินทรีย์ อินทรีย์แก่กล้า พระอย่างหนึ่งก็เป็นอินทรีย์อย่างหนึ่ง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจก็เป็นอินทรีย์อย่างหนึ่ง อินทรีย์อย่างไหนจะมีความแก่กล้ามากกว่ากัน

ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจนี้เป็นอายตนะกระทบ เวลามันขึ้นมา เราต้องอดนอนผ่อนอาหารเพื่ออะไร? เพื่อจะไม่ให้ธาตุขันธ์มันทับขึ้นไป ไม่ให้ธาตุขันธ์ทับสิ่งนี้ ทับสิ่งนี้กำลังมันมากกว่า มันคิดไปตามกระแสของมัน คิดตามความเห็นของมัน

นี่ประพฤติปฏิบัติหลง หลงเพราะความเข้าใจของตัว ตัวเองตีความแล้วเข้าใจตามความเห็นของตัว มันเป็นความหลงของเรา เพราะเรามีกิเลส กิเลสในหัวใจเรานี่พาหลง ประพฤติปฏิบัติก็หลง ถ้าไม่หลง มันจะเข้ามัชฌิมาปฏิปทา จะเข้าตามความเป็นจริง

จะเข้าตามความเป็นจริงนี้ต้องมีปัญญาขึ้นมา ปัญญาเกิดจากภาวนามยปัญญา ปัญญาไม่ใช่จากการใคร่ครวญ “ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ธรรมะย่อมคุ้มครองผู้นั้น” เห็นไหม คุ้มครองโดยที่ไม่ให้พลัดพรากออกไปจากธรรม ให้เข้าไปกระแสของธรรม

แล้วประพฤติปฏิบัติจะเข้าไปถึงตัวธรรมไง ตัวธรรม ธรรมคือภาชนะของธรรม ภาชนะที่ใส่ธรรมได้คือหัวใจ ภาชนะต่างๆ ที่ว่าในพระไตรปิฎกในหนังสือนั้นเป็นกิริยาของธรรม แต่ความรู้สึก ปัจจัตตัง รู้จำเพาะตน เห็นไหม อิ่มๆ ที่ใจ ทุกข์ๆ ที่ใจ หิวๆ ที่ใจ เวลาอิ่มเต็มขึ้นมาอิ่มเต็มที่ใจ

“ผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ธรรมะย่อมคุ้มครอง” คุ้มครองเพื่อให้เราเดินไปตามทางที่ถูกต้อง เข้าหาตัวเองแล้วเกิดปัญญาขึ้นมา ปัญญาเกิดจากการใคร่ครวญ ใคร่ครวญในอริยสัจ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค นี่อริยสัจ

อริยสัจเกิดขึ้นมาในสติปัฏฐาน ๔ ในกาย ในเวทนา ในจิต ในธรรม ในธรรมความเห็นของตัว ธรรมนี่ทำการคาดหมายในธรรม ธรรมนี้มันคลาดเคลื่อนไปได้ ธรรมจากเด็กๆ เห็นไหม ผู้ที่ให้ทานนี่ก็เป็นบุญกุศล ธรรมถูกต้องไหม? ถูกต้อง... ถูกต้องส่วนหนึ่ง แต่นั้นมันมรรคหยาบๆ

มีทาน มีศีล มีสมาธิ มีปัญญา ปัญญาของโลกก็เป็นโลกียปัญญา ปัญญาของโลกความคิดออกไป ความคิดออกไปบวกไปด้วยกิเลสของเรา ความเห็นของเราบวกกิเลสของเรา มันจะพาหลงออกไปข้างนอก มันต้องพาหลงไปก่อน

การจะให้ถูกต้อง ประพฤติปฏิบัติถูกต้องไป องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสร้างบุญกุศลมาขนาดไหน ประพฤติปฏิบัติยังคลาดเคลื่อนไป เห็นไหม ไปเรียนกับอาฬารดาบส อุทกดาบสนี่คาดไป ๖ ปี ๖ ปีนี่คาดหมายไป หาที่พึ่งอาศัยจากภายนอก มันพึ่งไม่ได้เลย หลงไปข้างนอก พึ่งพาอาศัยใครไม่ได้ ต้องสยมภูตรัสรู้ด้วยตนอง กลับมาหาตัวเอง กลับมาหาความเห็นของตัวเอง กลับมาหาที่ภาวะจิตใจของตัวเอง

ภาวะจิตใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นไหม ทำอานาปานาสติขึ้นมาตั้งแต่ปฐมยาม มัชฌิมยาม ถึงยามสุดท้ายออกไป ทำประพฤติปฏิบัติขนาดที่ว่าย้อนกลับมา มันถึงจะเป็นงานชอบ มันถึงจะเข้าหาตัวเองได้ มันจะหาความเห็นของตัว

จากความหลงออกไปเพราะกิเลสพาหลง ไม่เข้าใจ จะหลงไปตามอำนาจของกิเลสที่ขับไสออกไป ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติธรรม กิริยาเป็นการประพฤติปฏิบัติ นั่งสมาธิภาวนาเหมือนกัน แต่ถ้ามันเป็นความถูกต้องขึ้นมา มันต้องย้อนกลับเข้ามากระแสภายใน

กิเลสเกิดขึ้นที่ใจ เวลาเกิดขึ้นมาพาเกิด กิเลสพาเกิด จิตปฏิสนธิพาเกิด เกิดขึ้นมาแล้วมีความรู้สึกของเราขึ้นมา ความรู้สึกอันนี้มันแผ่ซ่านไปตามการศึกษาเล่าเรียน ใครศึกษามากศึกษาน้อยขนาดไหนมันก็เป็นตามกระแสของมันที่ออกไปยึดมั่นถือมั่นความเห็นของตัว ตามความเห็นของตัวว่าความถูกต้อง ไอ้อย่างนั้นยังไม่ได้พิสูจน์ เห็นไหม

ถ้าพิสูจน์ขึ้นมาแล้ว การศึกษาเราพิสูจน์ทั้งชีวิตนี่ไม่พอหรอก เวลาเราไม่พอ เราศึกษาตลอดไปไม่พอ ยิ่งกระแสโลกออกไป มีวิชาการต่างๆ ออกไปมากมายมหาศาลเลย นั้นเป็นเรื่องของโลก กระแสออกไปตามกระแสโลกของเขา เป็นวิชาชีพ เป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์ สิ่งที่พิสูจน์กัน

แต่การพิสูจน์ความเห็นของใจ เห็นไหม ความไม่หลงคือการกลับมาหาเรา เรื่องต่างๆ เป็นเรื่องของเขา เรื่องของเราคือการที่ว่ามันเกิดดับในหัวใจ เรื่องของเราคือความทุกข์ที่เกิดที่ใจ ความทุกข์เกิดที่ใจ มันจะดับลงที่ใจแล้วมันก็เกิดใหม่ เกิดซ้ำเกิดซากขึ้นไป เกิดขึ้นมาชั่วคราวแล้วก็ดับไป เกิดมาชั่วคราวแล้วดับไป มันเป็นอนิจจัง

สิ่งที่เป็นอนิจจังก็เป็นทุกข์ ตัวมันเองเนื้อหาสาระมันเองก็เป็นทุกข์ มันเป็นทุกข์เพราะว่ามันไม่เห็นตามสภาวะความเป็นจริง มันเห็นต่อเมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้วมันดับไป เหมือนเหยื่อ เหยื่อหลอกให้คนโง่หลงไปในเหยื่อนั้น หลอกให้เราเชื่อในเหยื่อนั้น หลอกให้เราผิดพลาดไปในเหยื่อนั้น นี้ก็เหมือนกัน เห็นสภาวะการเกิดดับ เวลาอ่านพระไตรปิฎกขึ้นมา เราจะเข้าใจว่านี่ไงอนิจจัง เห็นไหม เห็นความเกิดความดับ

ความเกิดความดับมันเป็นอดีตไปแล้ว สิ่งที่เป็นอดีตไปแล้วมันไม่สามารถชำระกิเลสได้ มันเป็นสมบัติยืมมา เป็นสมบัติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นสมบัติของครูบาอาจารย์ที่ท่านประพฤติปฏิบัติมาแล้วสั่งสอนเรา นั้นมันเป็นเรื่องอดีต มันเป็นสัญญา มันเป็นความจำได้หมายรู้ มันเป็นปัญญาอันหนึ่ง มันเป็นปัญญาอยู่ เราจะว่าไม่เป็นปัญญาหรือ? ไม่เป็นความคิดหรือ?

เป็น! เป็นปัญญาเกิดขึ้นจากสัญญา สิ่งนี้มันเป็นมรรคหยาบๆ มันเป็นความเห็นที่ถูกต้องขึ้นมาอย่างหยาบขึ้นมา แต่มันยังไม่เกิดเป็นปัจจุบันธรรม ถ้ามันเกิดปัจจุบันธรรม มันต้องเกิดความสงบของใจขึ้นมา กลับบ้านของเราให้ได้ กลับไปบ้านของเราแล้วไปรื้อค้น ไปชำระความสะอาดบ้านของเราให้ได้

ถ้าเรากลับบ้านของเราแล้วเรารื้อค้นทำความสะอาดบ้านของเราได้ บ้านของเราจะสะอาด เห็นไหม เรือนว่าง เรือนว่าง สะอาดจนเรือนว่างนะ สุดท้ายแล้วทำจนเรือนนั้นก็ไม่มี เห็นไหม ความสะอาดบริสุทธิ์ขึ้นไป ทำจนบ้านของเราไม่มีโพธิ ไม่มีสิ่งที่กระจกใส ไม่มีสิ่งที่ฝุ่นละอองจะเกาะสิ่งใดได้ ว่างหมดเลย ว่างตามสภาวะความเป็นจริง

แต่ความว่างของเรา ว่างสัมมาสมาธินี่หินทับหญ้าไว้ มันปล่อยวาง มันเข้าใจ ศึกษาธรรมขึ้นมาแล้วก็เข้าใจธรรมแล้วก็โล่ง ปล่อยวาง โล่งโถง มันจะมีความสุขมาก เราเข้าใจสภาวธรรม สภาวธรรม

สภาวะเป็นสัญญาขึ้นมาก่อน มันเป็นความถูกต้อง มรรคหยาบ เห็นไหม แล้วมันก็จะยกพัฒนาตัวมันเองขึ้นเป็นมรรคละเอียด มรรคละเอียดขึ้นไป จนถึงมันละเอียดสุดแล้วมันเป็นภาวนามยปัญญา มันชำระกิเลสตัดออกไปจากใจ พอมันชำระกิเลส มันขาดออกไปจากใจ นั่นน่ะคนไม่หลง

คนไม่หลงจะไม่มีกิเลสตัวยุแหย่ในหัวใจ สิ่งที่กิเลสนี้ยุแหย่ในหัวใจแล้วทำให้เราลุ่มหลงไป ความชอบ จริตนิสัยของตัวที่สร้างสมมา ชอบสิ่งใดก็ชอบพอใจสิ่งนั้น พอใจสิ่งนั้นก็ยึดสิ่งนั้น ยึดสิ่งนั้นก็เป็นความยึดมั่นถือมั่น เป็นอะไรขึ้นมาน่ะ? เป็นอัตตาขึ้นมาแล้ว เห็นไหม

นี่ปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วยังต้องปล่อยวางอัตตานุทิฏฐิ ทิฏฐิความเห็นของเรานี่ต้องปล่อยวาง ปล่อยวางถึงที่สุดมันถึงจะปล่อยวางได้ ปล่อยวางขึ้นมาใหม่ๆ มันปล่อยวางแบบหินทับหญ้าแน่นอน มันปล่อยวางแล้วมันมีตัวมันเอง เพราะอะไร? ปล่อยวางอะไร?

หัวใจปล่อยวางธาตุขันธ์ ปล่อยวางอารมณ์ ปล่อยวางธาตุขันธ์ มันปล่อยวางแล้วมันเข้าใจตามความเป็นจริงไหม? มันสามารถชำระกิเลสได้ตามความเป็นจริงไหม? ถ้ามันไม่สามารถชำระกิเลสตามความเป็นจริง มันปล่อยวางเข้ามาเฉยๆ เห็นไหม

นั่นมันถึงว่ามันคุ้มครองตัวเองได้ส่วนหนึ่ง แต่ไม่สามารถชำระให้มันสมุจเฉทปหานขาดออกไปจากใจ ถ้ามันขาดออกไปจากใจ วิปัสสนาญาณเข้ามา มันจะมีปัญญาเข้ามา ภาวนามยปัญญาเข้ามา มันจะย้อนกลับเข้ามาถึงหัวใจ แล้วชำระสิ่งนั้นพ้นออกไปจากใจ นั้นคือการชำระตัวเองไง

ชำระตัวเอง ผู้ที่หลงเพราะไม่เห็นตน ไม่มีสัตว์ ไม่มีเจ้าของ ผู้ที่รู้จักตน เห็นไหม รู้จักเรา มีชีวิตขึ้นมา มีบุญกุศลเป็นที่พึ่งอาศัย พยายามทำบุญกุศล สร้างบุญกุศลขึ้นมา นี่เป็นที่พึ่งอาศัย แล้วมันจะย้อนกลับมาหาเรา

หาสัมมาสมาธิให้ได้ เอกัคคตารมณ์ จิตนั้นกลับมาที่บ้านของตัวเอง กลับมาที่พื้นฐานที่จะชำระกิเลสกัน แล้วก็เริ่มมาชำระจิตตัวนี้ แยกแยะกิเลสตรงนี้จนเห็นปัญญาเกิดขึ้นตามความเข้าใจ สมุจเฉทปหานออกไป พ้นออกไปจากใจ ถึงที่สุดถึงฐีติจิต จิตของตัวเอง แล้วชำระออกไป จะไม่มีเกิดไม่มีตายอีกในวัฏวนต่อไป จะมีความสุขมาก

ผู้ไม่หลงจะไม่หลงสิ่งใดเลย จะเข้าใจตามความเป็นจริง กระเพื่อมออกมาก็รู้ออกจากใจว่าใจนี้กระเพื่อมออกไปรับรู้สิ่งนอก สิ่งนั้นเป็นเรื่องของเขา โลกเป็นโลก เราเป็นเรา แต่ถ้าผู้ที่มีธรรมในหัวใจ จะเป็นประโยชน์กับโลกต่อเมื่อเราเป็นผู้ชี้นำโลก เราเป็นคนชี้ถูกชี้ผิดให้โลกเดินตาม

ถ้าไม่มี เราไม่เข้าใจ เราก็ต้องเชื่อเรา หลงเข้าไป ต้องสงสัยในสิ่งนั้น ลังเลในสิ่งนั้น แต่ถ้าเข้าใจแล้ว หัวใจของเราในเมื่อจบสิ้นแล้ว หัวใจเขาก็เหมือนหัวใจเรา หัวใจเขายังต่างกับหัวใจเรามากมายขนาดไหน ความคิดเหมือนกัน พื้นฐานเหมือนกัน ถ้าจบสิ้นในหัวใจเรา หัวใจเขาก็ต้องจบสิ้นเหมือนกัน นี่เข้าใจสภาวะอย่างนั้น จะปล่อยวางสิ่งนั้นได้ตามความเป็นจริง เอวัง